ล้างอาถรรพณ์ยุค8ด้วยองค์เทพอสูร
ตามคติความเชื่อของปราชญ์ชาวจีนโบราณ.....ว่าโลกมนุษย์ที่เราอาศัยนี้ แบ่งไว้ 9 ยุคทั้ง 9 ยุคนี้จะหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปดั่ง ฤดูกาลที่ผลัดเปลี่ยนเวียนกันไป ยุคหนึ่งๆจะกินเวลาถึง 20 ปีตั้งแต่ปีพ.ศ. 2547 เป็นต้นมา โลกเราเข้าสู่ยุคที่ 8 เป็นยุคที่ชาวจีนเชื่อกันว่า ประตูผีประตูนรกเปิดออก และ เป็นยุคที่พญามังกรได้หันหน้าผันมาสู่ตะวันออกสู่แดนเอเซีย ซึ่งชาวจีนถือว่าเป็นศิริมงคล แสดงว่าตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นไป ดินแดนแถบเอเซียจะมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ หลายพื้นที่ในดินแดนแถบนี้จะมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว แต่เพราะเหตุว่า ความเจริญรุ่งเรืองของเอเซียนั้นจะเกิดขึ้นมาพร้อมๆกับประตูผี ประตูนรกเปิดออกก็จะมีเรื่องของวิญญาณภูติผีปีศาจออกมาอาละวาด คนจะนิยมทำไสยศาสตร์ ใช้อำนาจมนต์ดำทำร้ายกัน จะเกิดโรคระบาดร้ายแรงที่ไม่สามารถรักษาได้ เกิดภัยธรรมชาติ ที่ไม่มีใครคาดคิด เช่น เกิดน้ำท่วมใหญ่ และ แผ่นดินไหว เหล่าภูติผีปีศาจจะเข้าสิงสู่จิตใจคนเรา ทำให้ทะเลาะเบาะแว้งกันเอง ทำให้เกิดความแตกแยกสามัคคี ทำให้จิตใจคนวิปริต รวมไปถึงโรคร้าย เช่น คนโบราณเชื่อกันว่า โรคระบาดอย่างอหิวาต์นั้น เป็นโรคที่เกิดจากแรงผีปีศาจ จึงเรียกกันว่า ผีห่าลง หรือ โรคห่า ทั้งดินฟ้าอากาศก็วิปริต
แม้ว่าจะมีความเจริญทางวัตถุมากขึ้นแต่ทางจิตใจนั้นเสื่อมลง ธรรมชาติรอบตัวก็เสื่อมลง
คนมีความร่ำรวยมากขึ้น แต่จะเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น จนลืมคุณธรรม ประดุจว่าภูติผีปีศาจเข้าสิงใจคนเรานั่นเอง
และคนในยุคนี้จะมีความเชื่อด้านจิตวิญญาณกันมากขึ้น มีทั้งเชื่อในทางที่ถูกต้อง และ เชื่อในทางที่ผิด ผู้ที่เชื่อในทางที่ผิดจะหันไปเล่นทางไสยศาสตร์ใช้อำนาจมนต์ดำเอาชนะคนอื่น ทางแก้อาถรรพ์ยุคนี้ต้องบูชาสิ่งที่มีอำนาจกำราบปีศาจ ในทางวัชรยานของทิเบต มหายานของจีน และ ฮินดู แม้ชาวพุทธในไทยก็ตาม เชื่อว่ารูปที่สามารถขจัดภัยจากปีศาจ ได้นั้นต้องเป็นรูปที่น่าเกรงขาม จึงมีพระโพธิสัตว์ในภาคดุร้ายเพือปราบมาร พุทธนิกายมหายานของจีนก็มีพระโพธิสัตว์ที่แปลงกายเป็นเทพอสูรเพื่อกำจัดมาร ในฮินดูเทพเจ้าก็มีการแปลงภาคให้น่ากลัว เพื่อพละกำลังที่สามารถทำลายล้างอสูรได้อย่างราบคาบ เช่น พระแม่อุมาแปลงภาคเป็นพระแม่กาลี พระศิวะแปลงภาคเป็นพระไภรวะ ( พระพิราพ )อย่างไทยพุทธ ฝ่ายเราก็มีการนับถือ ท้าวเวสสุวรรณ ในรูปยักษ์ยืนถือกระบอง มักทำเป็นผ้ายันต์ผืนสีแดง ติดไว้ที่หน้าประตูบ้านเพื่อป้องกันวิญญาณร้ายเช่นกัน ทวยเทพเทวะภาคมหาปราบ ( ภาคปราบมาร ) มักปรากฎในรูปลักษณะ ของเทพอสูรผู้ผดุงคุณธรรม มีศีล มีสัตย์ มีคุณงามความดีที่ควรเคารพนับถือ มีอำนาจในการทำร้ายล้างมนต์ดำพระพิราพ , ท้าวเวสสุวรรณ ,พระราหู , นับว่าเป็นเทพเจ้าที่มีลักษณะเป็นเทพอสูร ที่ได้รับความนับถือมากที่สุด และ เป็นที่พึ่งยามเมื่อเกิดเหตุการณ์ร้าย ๆ เช่น โรคระบาด ภัยธรรมชาติ ทุกยุคทุกสมัย ดังนั้น ในช่วงที่โลกเข้าสู่ยุค แปด นี้ เป็นยุคที่มีความรุ่งเรือง มาพร้อมกับภัยจากปีศาจ อำนาจแห่งเทพอสูรดังกล่าว ย่อมเป็นพลังงานที่จะต้านทานทำลายล้างสิ่งอัปมงคลทั้งหลาย ทำลายล้างความดำมืด ขจัดภัยจากมนต์ดำ ขจัดมารร้ายที่เที่ยวเพ่นพ่าน ตามรังควานผู้คนทั้งหลายได้
พุทธนิกายมหายานของจีนมีรูปพระโพธิสัตว์ที่แปลงกายเป็นเทพอสูรเพื่อกำจัด มาร ฝ่ายฮินดูมีพระแม่อุมาภาคกาลี พระอิศวรภาคพระพิราพ ส่วนไทยพุทธนับถือท้าวเวสสุวัณถือกระบอง
การมองอะไรแต่ภายนอกไม่อาจตัดสินว่าดีหรือไม่ดี สิ่งที่ควรตัดสินคือคุณธรรมที่ซ่อนอยู่ภายใน ในตำนานและวรรณคดีไม่ว่าของไทยหรือต่างชาติ จะเห็นได้ว่าบางครั้งคุณงามความดีจะอยู่ในรูปของสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา แต่บางครั้งสิ่งไม่ดีกับปรากฏในรูปของความงามสะอาดสะอ้านเช่นเดียวกัน คติการนับถืออสูรหรือยักษ์ว่าอำนาจของเทพอสูรจะช่วยปกป้องคุ้มครองให้ ปลอดภัยจากวิญญาณร้ายได้และจะอนุโมทนากับการทำบุญทำกุศลของเราด้วย ก็ยังมีเทพอสูรอื่นๆ อีก ที่น่านับถือในคุณงามความดีแต่ไม่เป็นที่รู้จักเพราะมนุษย์มักมองแต่รูปภาย นอกหรือเพียงแค่ได้ยินว่า "อสูร" หรือ "ยักษ์" ก็กลัวไม่กล้านับถือ จึงไม่ใคร่ได้รู้เรื่องราวที่น่าสนใจของอสูรอีกหลายตนด้วยกัน การทำบุญทำทานแล้วอุทิศให้เทพอสูรทั้งหลายด้วยก็เป็นสิริมงคลเช่นกัน