หมวดหมู่ | # พระพุทธศักดิ์สิทธิ์ |
ราคา | 0.00 บาท |
ลงสินค้า | 23 ธ.ค. 2559 |
อัพเดทล่าสุด | 29 พ.ย. 2564 |
คงเหลือ | 0 องค์ |
หลวงพ่อสุขสัมฤทธิ์ วัดตูม รูปหล่อลอยองค์เนื้อโลหะผสม ปี2554 พร้อมกล่องวัด
พระคาถาบูชา หลวงพ่อสุขสัมฤิทธิ์
ตั้งนะโม 3 จบ
อิ สะ วา สุ
วัดตูม นับเป็นวัดที่สําคัญวัดหนึ่ง กรมศิลปากรจึงประกาศเป็นโบราณสถาน เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๘ มีสิ่งที่สําคัญในวัดเฉพาะที่เป็นปูชนียวัตถุ คือ ๑.พระอุโบสถใหญ่ มีทางเข้าออกหน้า-หลัง หน้าบันเป็นเทพนม ๒.พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองปางมารวิชัย จํานวน ๓ องค์ ๓.พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ทรงเครื่องปางมารวิชัย ที่เรียกกันว่าหลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง ๘๗ ซม. สูง ๑๕๐ ซม.
พระพุทธรูปองค์นี้สร้างแต่สมัยใดไม่มีตํานานปรากฏ เดิมเคยประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถแถวหน้าพระประธาน สันนิษฐานคงจะมีมาแต่ดั้งเดิม
สมัยที่กรุงศรีอยุธยาแตกครั้งสุดท้าย วัดนี้ได้รอดพ้นจากการทําลายล้างผลาญของข้าศึกอย่างน่าอัศจรรย์ นับเป็นพระพุทธรูปสําคัญอีกองค์หนึ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่ยังคงอยู่ในสภาพบริบูรณ์มาจนถึงปัจจุบันนี้
หลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงามองค์หนึ่งมาก องค์พระทรงเครื่องแบบมหาจักรพรรดิราชาอธิวาส สวมมงกุฎ มีกุณฑลทับทรวง สังวาลพาหุรัด ประดับด้วยเนาวรัตน์ ประทับนั่งขัดสมาธิ
ชาวบ้านผู้สูงอายุเล่าให้ฟังว่าเคยเห็นองค์พระพุทธรูปประดับด้วยเพชร พลอย ทับทิม ตามพระอุระ และพระพาหา บนพระอังสาทั้งสองข้างประดับอินธนู แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว ไม่ทราบว่าอันตรธานหายไปตั้งแต่เมื่อใด
พระพุทธรูปองค์นี้มีลักษณะพิเศษกว่าพระพุทธรูปองค์อื่นใดในประเทศไทย คือ พระเศียรตอนเหนือพระนลาฏเปิดออกได้ และ พระเกศมาลาถอดได้ เมื่อปิดไว้ตามเดิมแล้วจะแนบสนิทเกือบเป็นชิ้นส่วนเดียวกัน ไม่ปรากฏร่องรอยเลย ภายในพระเศียรเป็นบ่อกว้างลึกลงไปเกือบถึงพระศอ มีนํ้าไหลซึมออกมาตลอดเวลา เหมือนหยาดเหงื่อ เป็นนํ้าใสเย็น บริสุทธิ์ปราศจากมลทิน สามารถรับประทานได้ โดยปราศจากอันตรายใดๆ และไม่ขาดแห้ง
ปรากฏเป็นอัศจรรย์อยู่เช่นนี้ตลอดมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว แม้จะตักออกมาแล้วใช้สําลีชุบหรือเช็ดให้แห้งหายไปสักกี่ครั้งก็ตาม นํ้านั้นก็กลับมีขึ้นมาอีก
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้มีความเชื่อกันว่า พระเศียรของพระพุทธรูปองค์นี้ทำขึ้นจากโลหะอาถรรพณ์หลายชนิด ที่มีธาตุกายสิทธิ์ คือเหล็กไหลชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่าเหล็กไหลเปียก มาหล่อหลอมรวมไว้ด้วย ซึ่งเหล็กไหลชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถดูดความชื้นในอากาศให้มารวมตัวกันจนกลายเป็นหยดน้ำได้
ชาวบ้านพากันนับถือนํ้าในพระเศียรของพระพุทธรูปองค์นี้ว่าเป็นนํ้าศักดิ์สิทธิ์ เกิดขึ้นด้วยอํานาจอภินิหารและบารมี สามารถบําบัดและรักษาสรรพโรคภัยไข้เจ็บ และบรรเทาทุกข์ร้อน ให้ความสุขความร่มเย็นได้ ต่างพากันเคารพนับถือว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ และประกอบด้วยอภินิหาร ทําให้พระพุทธรูปองค์นี้มีกิตติศัพท์เลื่องลือไปทั่วเมืองไทย จึงมีสาธุชนพากันเดินทางมานมัสการขอพึ่งบารมีท่าน ทั้งขอพร ขอนํ้ามนต์ และโชคลาภกันมิได้ขาด
อนึ่ง น้ำในพระเศียรของพระพุทธรูปองค์นี้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เคยใช้ในพิธีชุบพระแสงและเครื่องศัตราวุธในการออกรบ โดยนำมารวมกับน้ำในบ่อพระพุทธมนต์ วัดพระพายหลวง บ่อพระร่วง เมืองเก่าสุโขทัย
ข่าวการพบน้ำในพระเศียรของพระพุทธรูปเป็นที่เลื่องลือกันจนเป็นประวัติการณ์ เกิดขึ้นในสมัยที่ พระอธิการชุ่ม เป็นเจ้าอาวาส ได้มีนายคง ชาวอำเภอบางบาล เป็นคนวิกลจริต ผ้าผ่อนไม่นุ่งเหมือนชีเปลือย ได้ซัดเซพเนจรเข้ามาอาศัยอยู่ในวัดนี้เป็นเวลาช้านาน
วันหนึ่งนายคงได้เข้าไปในพระอุโบสถแล้วปีนขึ้นไปบนฐานชุกชี เอามือจับยอดพระเศียรโยกคลอนไปมา จนยอดพระเศียรหลุดออกมา เห็นภายในพระเศียรเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำ นายคงจึงเอามือวักน้ำขึ้นมาดื่มกินด้วยความหิวกระหาย
จากการดื่มน้ำในพระเศียรนั่นเองทำให้นายคงหายวิกลจริตทันที มองเห็นสภาพตนเองก็นึกสมเพช จึงไปหาพระสงฆ์ในวัดเพื่อขอผ้านุ่ง พร้อมกับเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง
เมื่อความทราบถึงท่านเจ้าอาวาส ซึ่งท่านรู้จักบ้านของนายคงดี จึงเรียกมาสอบถาม นายคงสามารถตอบตามคำที่ถูกถามได้ทุกถ้อยความ แสดงว่านายคงได้หายจากอาการวิกลจริตแล้ว ที่สำคัญคือทำให้ทราบกันว่ายอดพระเศียรของพระพุทธรูปองค์นี้เปิดออกได้และมีน้ำศักดิ์สิทธิ์บรรจุอยู่ภายในพระเศียรท่านด้วย จึงเกิดเป็นข่าวใหญ่เลื่องลือไปทั่ว เป็นเหตุให้ชาวบ้านเกิดความเชื่อมั่นเลื่อมใสศรัทธา พากันมาสักการะมิได้ขาด
เรื่องราวของหลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ในด้านอภินิหารต่างๆ ทำให้สมัยหนึ่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ไปจากวัดตูมเพื่อไปประดิษฐานไว้ ณ สถานที่แห่งหนึ่งที่เกาะเมืองตัวจังหวัด ตั้งแต่นั้นมาข้าราชการท่านนั้นก็เกิดอาการไม่สบายกายไม่สบายใจ เกิดความเดือดร้อนต่างๆ นานา ทั้งตัวเองและครอบครัว ตลอดจนผู้คนที่มีส่วนในการแบกหามเคลื่อนย้ายท่านไปนั้น มีอันต้องเจ็บป่วยกันทุกคน ถึงกับฝันตรงกันว่า ให้นำท่านกลับไปไว้ที่วัดตูม ตามเดิม ข้าราชการท่านนั้นจึงต้องปฏิบัติตาม
เหตุที่เป็นเช่นนี้ จึงเชื่อกันว่า หลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดนี้มาช้านาน คงไม่ประสงค์ที่จะจากวัดตูมไปอยู่ที่อื่น
ต่อมา พระอธิการชุ่ม จึงได้อัญเชิญท่านขึ้นจากพระอุโบสถ มาประดิษฐานไว้ที่บนหอสวดมนต์ ปัจจุบันทางวัดได้จัดสร้าง หอพระพุทธรูปหลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ ขึ้น เพื่อใช้ประดิษฐานโดยเฉพาะ ทั้งยังเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสเข้ามานมัสการและปิดทองได้ทุกเวลา
ในด้านวัตถุมงคลของ หลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ วัดได้จัดสร้างขึ้นหลายประเภท อาทิ ภาพถ่ายบูชา ธง รูปเหมือนบูชา รูปเหมือนห้อยคอ ล็อกเกต เหรียญ ฯลฯ เหรียญที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เหรียญรุ่นแรก พ.ศ. ๒๔๙๖ ซึ่งค่อนข้างหายาก เพราะมีประสบการณ์เป็นที่เลื่องลือในทุกๆ ด้าน จนเป็นที่เสาะหากันอย่างกว้างขวาง
หน้าที่เข้าชม | 6,183,422 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 4,588,001 ครั้ง |
เปิดร้าน | 31 ส.ค. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 28 ก.ย. 2568 |